วันศุกร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2555

นิทาน ก้อนเมฆ อาทิตย์ และขุนเขา



กลางครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในสมัยที่สรรพสิ่งยังมีวิญญาณเป็นของตัวเอง
       ก้อนเมฆน้อย เกิดขึ้นจากน้ำที่ระเหยขึ้น ด้วยความร้อนจากดวงอาทิตย์ เจ้าดวงอาทิตย์เลยรู้สึกว่าเป็นความรับผิดชอบของตัวเอง ที่ต้องดูแลก้อนเมฆ พระอาทิตย์ส่องแสง ให้ก้อนเมฆอบอุ่น พระอาทิตย์ร้องเพลงด้วยแสงสว่าง เกิดการไหลเวียนของมวลอากาศ เพื่อให้เมฆน้อยเริงระบำ
       ...มนุษย์เราเรียกเพลงของดวงอาทิตย์ว่า “สายลม”...
       หากวันหนึ่งเจ้าก้อนเมฆ ได้พบกับเจ้าขุนเขา ผู้เยือกเย็นและลึกลับ ภูเขาเจ้าเงียบ หากความเงียบนั้นกลับเป็นเสน่ห์ที่ทำให้เจ้าเมฆน้อยหลงไหล ในความมั่นคง โดดเดี่ยว แต่ทรงพลัง
       เมฆน้อยพยายามเข้าใกล้ขุนเขา แต่ไม่ว่าอย่างไร เจ้าขุนเขาก็ยังสงบเยียบเย็น มิสนใจก้อนเมฆขาวน้อย
       ก้อนเมฆเสียใจ ที่ขุนเขาไม่สนใจ ก้อนเมฆสะสมความเสียใจมากขึ้น จนปุยขาวงามกลับพลันมืดดำด้วยโศกา อันมาจากความเสียใจที่สะสม เจ้าเมฆน้อยพยายามลอยลงไปสัมผัสกับยอดภูเขาอีกเรื่อยๆ หากคำตอบจากขุนเขา คือความสงบเงียบเย็นดังเดิม
       และเมื่อเจ้าเมฆน้อยสัมผัสความเย็นนิ่งนาน เจ้าเมฆนั้นก็พลันร้องไห้ สายน้ำตาของเจ้าเมฆน้อยโปรยปรายรินรดลงบนภูเขาที่เยียบเย็น และแห้งแล้ง...
       ...มนุษย์เราเรียกน้ำตาของเมฆน้อย ว่า “ฝน”...
       ทันใดนั้น พระอาทิตย์ที่ดูแลเมฆน้อยอยู่เงียบๆ ก็รู้สึกสงสารเมฆน้อย และรู้สึกอยากทำอะไรสักอย่างเพื่อบรรเทาทุกข์และโศกให้เจ้าเมฆ พระอาทิตย์จึงวอนขอดอกไม้ที่งดงาม จากทุกที่บนพื้นโลก ลาเวนเดอร์สีม่วงจากโปรวองซ์ อัญชันสีครามจากสยาม บัวนิลุบลสีน้ำเงินจากอินเดีย ใบไผ่สีเขียวสดจากเมืองจีน ทานตะวันสีเหลืองทองจากบราซิล ทิวทิปสีส้มจากฮอลันดา และกุหลาบสีแดงสดจากเกาะอังกฤษ รวบรวมกันมาเรียงร้อยเป็นมาลัยวงโต เพื่อปลอบใจให้เจ้าเมฆน้อยรู้สึกดีขึ้น
       ...มนุษย์เราเรียกของขวัญของดวงอาทิตย์ ว่า “สายรุ้ง”...
       เมื่อเมฆน้อยเห็นช่อสายรุ้งจากดวงอาทิตย์ เธอก็หยุดร้องไห้ พระอาทิตย์ดีใจ จึงส่องแสงเจิดจ้า เปิดให้ฟ้างดงามได้อีกครั้ง
       เจ้าขุนเขา เมื่อได้เห็นความรักของพระอาทิตย์ที่มีต่อเจ้าเมฆน้อย ความเยียบเย็นก็พลันสลาย สิ่งที่ปรากฏบนขุนเขา คือ สัญญาณชีวิต ของพืชเล็กๆ และต้นไม้ใหญ่ ที่ชำแรกผ่านความแข็งกระด้างที่เปลี่ยนเป็นความละมุนแล้ว เหล่าชีวิตนั้นเข้ารับความรักจากดวงอาทิตย์ และความรู้สึกของเจ้าเมฆน้อย เกิดเป็นพืชเขียวชอุ่ม และอบอุ่นสวยงาม เต็มภูเขาไปหมด
       หากภูเขาก็มิได้รักเมฆน้อย และ เมฆน้อยยังคงต้องเสียน้ำตาให้ขุนเขาอีกเสมอยามขุนเขากลับคืนเงียบงัน แต่เมื่อใดที่เมฆน้อยร้องไห้ พระอาทิตย์ก็ปลอบประโลมเจ้าด้วยมาลาเจ็ดสีที่บรรจงรวบรวมมาทุกครั้ง
       เจ้าภูเขาแม้ไม่ได้รักเมฆน้อย แต่ความรักของเมฆน้อย ก็ทำให้มันอ่อนตัวลงเรื่อยๆ ไม่กระด้างแข็งกระดางลาง ภูผาหินเปลี่ยนเป็นดิน พื้นดิ้นแล้งเปลี่ยนเป็นหญ้า และมีชีวิตมากมายเข้ามาอาศัยอยู่กับขุนเขา


....
       แม้จนทุกวันนี้ เรื่องรักสามเส้านี้ก็ยังไม่จบลงไป...
       ก้อนเมฆก็ยังคงรักมั่นต่อขุนเขา แม้เขาเจ้าจะไม่อินัง และดวงอาทิตย์เล่าก็รักและทุนถนอมก้อนเมฆ แม้ก้อนเมฆจะไม่รักดวงอาทิตย์ก็ตาม หากเจ้าก้อนเมฆก็รู้สึกขอบคุณทุกครั้งเมื่อพระอาทิตย์ส่งสายลมมากำนัล ส่งสายรุ้งมาปลอบใจ
       ความรักของทั้งสามคงไม่สมหวังอยู่เช่นนี้...
       แต่มนุษย์เราก็ได้เห็นความงดงามของความรักในธรรมชาติ - ความผิดหวังในความรัก หากบางครั้งก็งดงาม
       ทุกครั้งที่เห็นรุ้งกินน้ำ และเทือกเขาที่เชียวชะอุ่มสดใส...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น